วันศุกร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2560

ธุรกิจกาแฟอย่ามองข้าม ทางสดใส





สวัสดี คอกาแฟทุกท่านครับ

ผมมีข้อมูลดี ๆ เสริมความรู้

หรือ เอาดีสร้างอาชีพ ได้เลยทีเดียว

ธุรกิจกาแฟ อย่ามองข้าม

ตลาดกาแฟ ยิ่งใหญ่ และมีอนาคตสดใสครับ





กาแฟ เป็นเครื่องดื่มที่มีกลิ่นและ รสเป็นเอกลักษณ์ 
และเป็นที่ชื่นชอบของคนทั่วโลกจำนวนมากมาช้านาน 
ถึงแม้ว่า กาแฟจะไม่ได้เป็นเครื่องดื่มที่มีถิ่นกำเนิด
ในประเทศไทย แต่กาแฟก็เป็นเครื่องดื่มที่คนไทยรู้จักและบริโภค
มาเป็นเวลานานไม่ต่ำกว่า 150 ปีแล้ว โดยในประเทศไทย
มีการปลูกกาแฟหลายพันธุ์ มีการพัฒนาวิธีการนำกาแฟมาผลิต
เป็นเครื่องดื่มในลักษณะต่างๆ และมีรสนิยมการบริโภคกาแฟ
ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เช่น โอเลี้ยง กาแฟเย็น 
หรือกาแฟโบราณที่ใช้ถุงกาแฟชง 
ซึ่งแตกต่างไปจากรสนิยมของต่างชาติที่นิยมบริโภคกาแฟ
กันอย่างแพร่หลาย อย่างสหรัฐอเมริกาหรือยุโรป เป็นต้น
ปัจจุบันธุรกิจร้านกาแฟเป็นธุรกิจ ที่มีอัตราการขยายตัวสูง 
ผู้ประกอบการขนาดย่อมมีการปรับปรุงธุรกิจของตนเอง 
รวมทั้งมีผู้ประกอบการรายใหม่เข้ามาอีกเป็นจำนวนมาก 
ถึงแม้กาแฟจะเป็นเครื่องดื่มที่มีจำหน่ายและเป็นที่รู้จัก
ในประเทศไทยมาเป็น เวลานาน แต่ลักษณะความนิยม
และพฤติกรรมการดื่มกาแฟของคนไทย 
จะมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างไปจากชาวต่างประเทศ
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ตลาดผลิตภัณฑ์กาแฟมีแนวโน้มเติบโต
อย่างต่อเนื่อง บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด คาดการณ์ว่า
มูลค่าผลิตภัณฑ์กาแฟในปี 2548 เท่ากับ 21,000 ล้านบาท 
ซึ่งเป็นปริมาณที่เติบโตมากกว่า 100 เปอร์เซ็นต์ 
นับจากปี 2545 และมีอัตราการขยายตัวร้อยละ 10 
โดยแยกเป็นกาแฟผงสำเร็จรูป 9,300 ล้านบาท 
กาแฟกระป๋อง 7,000 ล้านบาท 
และร้านกาแฟพรีเมี่ยม 4,700 ล้านบาท ตามลำดับ
เมื่อพิจารณาเฉพาะร้านกาแฟพรีเมี่ยม จะเห็นได้ว่า 
ปริมาณการขายเพิ่มขึ้นอย่างต่ำ 500 ล้านบาทต่อปี
 เริ่มจาก 3,000 ล้านบาทในปี 2545 เพิ่มขึ้นเป็น 3,500 ล้านบาท
ในปี 2546 ขยับเป็น 4,000 ล้านบาทในปี 2547 ที่ผ่านมา 
และคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 4,700 ล้านบาทภายในปี 2548 
เนื่องมาจากปริมาณร้านกาแฟพรีเมี่ยมที่เปิดตัวเพิ่มขึ้น
อย่างต่อเนื่อง และผู้บริโภคหันมาดื่มกาแฟคั่วบด
แทนกาแฟผงสำเร็จรูปมากขึ้น
ความนิยมในร้านกาแฟพรีเมี่ยมส่งผลให้มีการแข่งขัน
ที่รุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะในด้านช่องทางการจำหน่าย 
ซึ่งส่วนใหญ่จะเปิดให้บริการในพื้นที่ร้านค้าสมัยใหม่
หรือ Modern Trade ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า 
ไฮเปอร์มาร์เก็ต ดิสเคาน์ทสโตร์ ทำให้เกิดการแย่งพื้นที่ทำเลดี 
ทำให้ต้นทุนในการขยายสาขาแต่ละแห่งเพิ่มสูงขึ้น 
ทางผู้ประกอบการปรับกลยุทธ์โดยการเน้นความหลากหลาย
และสร้างความแตกต่าง โดยขยายสาขาเพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่
ที่มีลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย โดยทำเลนอกร้านค้าสมัยใหม่ที่น่าสนใจ 
คือ ปั๊มน้ำมัน โรงภาพยนตร์ รถไฟฟ้า ศูนย์แสดงสินค้า 
ร้านหนังสือ โรงพยาบาล สถานออกกำลังกาย 
สถานีรถไฟฟ้า และท่าอากาศยาน
อย่างไรก็ตาม ร้านกาแฟในปั้มน้ำมันนั้น ถือเป็นธุรกิจ
ที่มีการเติบโตและรายได้ที่น่าสนใจมากธุรกิจหนึ่ง
 เพราะตลาดรวมยังขยายตัวได้อีกมาก ขณะที่ต้นทุน
และค่าใช้จ่ายหมุนเวียนในแต่ละวันไม่สูงนัก
 เนื่องจากวัตถุดิบส่วนใหญ่จะใช้วัตถุดิบภายในประเทศเป็นหลัก 
โดยร้านกาแฟในปั๊มน้ำมันจะมีรายได้อยู่ประมาณ
วันละ 3,000-6,000 บาท หรือมีกำไรประมาณวันละ 1,000 บาท 
ร้านกาแฟในปั๊มน้ำมันถือเป็นธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม 
(SMEs) ที่น่าสนใจและน่าจะได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง 
เพราะปัจจุบันตลาดร้านกาแฟอยู่ในช่วงขยายตัว 
และมีฐานลูกค้ารองรับอีกมาก ขณะที่จำนวนร้านกาแฟ
ในปั๊มน้ำมัน ถึงแม้ปัจจุบันมีอยู่หลายร้อยร้าน 
แต่ก็ยังไม่ถือว่ามีการแข่งขันที่รุนแรงมากนัก
การที่ ธุรกิจร้านกาแฟ จากต่างชาติยังทยอยกันเข้ามาลงทุน
เปิดกิจการในเมืองไทย แสดงว่า ตลาดของธุรกิจกาแฟนี้
ยังมีอนาคต และได้รับการประเมินว่ายังขยายตัวต่อไปได้ 
ขณะเดียวกัน ก็เป็นสัญญาณเตือนภัยจากการรุกรานของธุรกิจ
ข้ามชาติที่กดดันให้ร้านกาแฟของ นักลงทุนไทยต้องปรับตัว 
ทั้งรสชาติและบริการ เพื่อเผชิญการบุกตลาดของเครือข่าย




ร้านกาแฟชื่อดังจากต่างประเทศ
นอกจากการปรับตัวเพื่อรับการแข่งขันของบรรดา
ร้านกาแฟพรีเมี่ยมที่เป็นเครือข่าย สาขาจากต่างประเทศ
แล้ว บรรดาร้านกาแฟพรีเมี่ยมของไทยยังหันไปขยายสาขา
ในต่างประเทศ โดยปัจจุบันมีร้านกาแฟพรีเมี่ยมไทย
ใน 3 ประเทศ คือ สิงคโปร์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย
ธุรกิจร้านกาแฟพรีเมี่ยมยังคงเป็นธุรกิจที่น่าลงทุน 
เนื่องจากการที่โอกาสทางธุรกิจยังเปิดกว้าง 
จากการที่ปริมาณการบริโภคกาแฟของคนไทยยังอยู่ในเกณฑ์ต่ำ 
และส่วนใหญ่ยังนิยมบริโภคกาแฟสำเร็จรูป 
ซึ่งธุรกิจร้านกาแฟ พรีเมี่ยมนี้จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
การบริโภคกาแฟของคนไทย นอกจากนี้ 
ปัจจุบันธุรกิจร้านกาแฟพรีเมี่ยมกำลังกลายเป็นร้าน
ที่อยู่ในกระแสความนิยม โดยมีผู้ประกอบการไม่ต่ำกว่า 10 ยี่ห้อ 
ที่ประกาศขยายธุรกิจด้านนี้อย่างจริงจังมาตั้งแต่ปี 2543 
ทั้งในการขยายร้านกาแฟพรีเมี่ยมในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด 
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนรายย่อยก็ต้องเข้ามาในธุรกิจนี้
อย่างระมัดระวัง เนื่องจากมีความเสียงสูงกว่านักลงทุนรายใหญ่
ที่มีทั้งกำลังเงินและความรู้ ด้านเทคโนโลยี 
รวมทั้งเทคนิคการพลิกแพลงตลาด เพื่อขยายฐานการบริโภค 
ทำให้มีโอกาสในการประสบความสำเร็จในธุรกิจมากกว่า
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้วิเคราะห์ว่า ผลิตภัณฑ์กาแฟ
ทุกประเภทยังเป็นธุรกิจที่น่าสนใจ และสามารถเติบโตได้อีกมาก 
เนื่องจากอัตราการบริโภคกาแฟของคนไทยในปัจจุบัน
ยังอยู่ในเกณฑ์ต่ำคือ บริโภคน้อยกว่าร้อยละ 0.5 กิโลกรัม/คน/ปี 
หรือคิดเป็นเพียง 130-150 ถ้วย/คน/ปี เท่านั้น
 (หรือเฉลี่ยไม่ถึงหนึ่งแก้ว/คน/วัน) เพราะปริมาณคนไทย
ที่บริโภคกาแฟเป็นประจำมีเพียงร้อยละ 30 
(หรือไม่ถึง 2 ล้านคน) จากประชากรคนไทยทั้งหมด
กว่า 60 ล้านคน ซึ่งยังมีปริมาณน้อยเมื่อเทียบกับประเทศ
ในแถบเอเชียอย่างเช่น ญี่ปุ่น ดื่มกาแฟเฉลี่ย 500 แก้ว/คน/ปี 
หรืออเมริกาที่ดื่มกาแฟเฉลี่ย 700 แก้ว/คน/ปี
 (หรือเฉลี่ย 2 แก้ว/คน/วัน) ดังนั้น ธุรกิจผลิตภัณฑ์กาแฟ
ยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก แต่คาดหมายว่าการแข่งขันในตลาด
ผลิตภัณฑ์กาแฟต่างๆ จะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
ดังนั้น ผู้ประกอบการในธุรกิจกาแฟนี้ 
จะต้องปรับกลยุทธ์ทั้งรุกและรับ ให้ทันกับสถานการณ์
ทางการตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะร้านกาแฟพรีเมี่ยม 
ถ้าภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศไทยยังสามารถเติบโต
ได้อย่างต่อเนื่อง ผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจกาแฟ คาดการณ์ว่า 
มูลค่าตลาดจะทะลุระดับ 7,000 ล้านบาท 
ภายในเวลาไม่เกิน 5 ปีข้างหน้าอย่างแน่นอน

ที่มา : รวบรวมจากผู้ประกอบการณ์ และคาดการณ์โดยบริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด





..............................................................................



เห็นโอกาสรวยแล้วใช่มั้ยครับ ลุยเลย

เริ่มธุรกิจกับเรา








มีส่วนผสม ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ถึง 22 ชนิด

ผ่านมาตรฐาน และถูกต้องตามกฎหมาย







สุขภาพดี รายได้งาม






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น